การซ่อมเเซมบ้านหลังน้ำท่วม
การซ่อมเเซมบ้านหลังน้ำท่วม
ฝนแหล่งเทกระหน่ำในช่วงฤดูฝน บางสามัญชนอาจเจอะว่าเป็นผลพลอยได้ที่จักได้ชะล้างสิ่งสกปรกที่อยู่บนหลังคา หรือล้างสีที่เลอะไปด้วยฝุ่นให้สะอาดเอี่ยม แต่ในทางแม่นยำกันข้ามฝนคว้าชะเอาความคงทนของวัสดุต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน จนหลายที่พักต้องเตรียมการเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังจากฤดูฝนผ่านพ้นไปนอกจากตรวจสอบคราบรั่ว และสถานภาพโดยรวมของประทุนที่ผ่านฝนมาอย่างสาหัสตลอดฤดูกาลแล้ว รางน้ำที่รองรับน้ำที่เลื่อนไหลลงมาหาก็ทบทวนเป็นต้องนฤมิตความใสเพื่อล้างของสกปรกที่อาจตกค้างอยู่ด้วย เพราะอาจมีเศษไม้และขยะต่างๆ ติดค้างอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่โตช่วยขวางแดด แล้วก็ฉกโอกาสทอนกิ่งไม้ ที่อาจลงมือให้หลังคาเสียทุเลาได้ไปด้วยกันเลยครั้งเดียว
ขณะที่ส่วนสิ่งของสีตรงนั้นอาจจะเกิดท่วงทีซีดจาง ไม่ก็หล่นล่อนไม่สามารถเกาะพร้อมทั้งพื้นผิวได้ เนื่องมาจากความชื้นที่เกิดขึ้น ผนังที่ยังคงเก็บความชื้นไว้จะส่งผลทำให้สีที่ทาไว้หลุดล่อนได้ง่าย ไม่ว่าจักเป็นไม้เหรอปูน
ไม้ที่จะยานและหดตัวติดสอยห้อยตามสภาพอากาศ หากคิดจะซ่อมแซมเพื่อยืดอายุการใช้งาน ซึ่งจำเป็นจะต้องผ่านการผึ่งให้แห้งสนิทก่อนจะทาเคลือบผิวไม้ เพื่อเพิ่มความคงทน แต่หากเป็นปูนรอยรั่วซึมที่ทำอุปการะผนังยิ่งเพิ่มความชื้น นอกจากจะต้องปิดรอยแยกเหล่านั้นแล้ว การใช้สีที่มีเนื้อเป็นฟิล์ม และกันความชื้นได้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะเนื้อสีที่มีความยืดหยุ่นสูงไม่เพียงปกปิดรอยร้าวเหล่านั้นได้เท่านั้น ยังสามารถลดความชื้นที่จะถือกำเนิดขึ้นในฤดูฝนชันษาถัดไปอีกด้วย เพียงแต่จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าเทียมถึงนั้น
โดยต้องเตรียมพื้นผิวที่ดีแต่ก่อนทาสี เริ่มตั้งแต่ขัดอัดสำเนาเอาสีเก่าออกให้มากที่สุด ล้างพื้นผิวด้วยตัวทำละลายให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทปราศจากฝุ่นผง แล้วจึงเริ่มต้นทาสีรองพื้น พร้อมด้วยทาสีทับข้างตามขั้นตอน
ส่วนพื้นด้านนอกหากเป็นปูนซีเมนต์อย่างหยาบธรรมดา ฤดูฝนที่ผ่านมาอาจจะมีตะไคร่น้ำเกาะจนเขียวครึ้ม นอกจากจะทำให้เลื่อนเวลาเดินแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ตะไคร่น้ำเหล่านั้นจะจับตัวแข็งก่อนจะหลุดล่อนหลังไม่มีน้ำฝนมาหล่อเลี้ยง และหากเป็นส่วนของกำแพงบริเวณมีการทาสีไว้จะทำให้สีกระดำกระด่าง และทรุดเสื่อมก่อนเวลา
ปัญหาเดียวกันนี้โปร่งบางครั้งอาจเกิดบนสนามหญ้าในสวนของคุณด้วย หากเกิดน้ำท่วมขังยังไม่ตายเวลานาน ทางออกที่จะช่วยไม่ให้เกิดปัญหารากเน่าของต้นไม้ใหญ่ไปพร้อมๆ กัน ก็คือ การทำทางถ่ายน้ำออกจากสนาม และไม่ลืมที่จะกำจัดหญ้าแพรกส่วนเกินที่แทรกอยู่กับหญ้าที่ปูไว้เดิมด้วย
เข้ามาในส่วนตัวบ้านหากในละแวกบ้านของคุณเกิดน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจมีน้ำซึมขึ้นมาในส่วนของพื้นบ้าน เนื่องจากโครงสร้างแตกร้าว หรือมาตามรูที่บริษัทกำจัดปลวกไชทิ้งไว้ หากเป็นพื้นปาร์เกต์อาจหลุดล่อนเมื่อโดนน้ำท่วม เพราะติดกับพื้นคอนกรีตด้วยกาว ถ้าไม่เสียหายมากผึ่งลมให้แห้งก่อนแล้ว จึงทาด้วยกาวลาเท็กซ์หนา 1-2 มิลลิเมตร ค่อยๆ กดลงไปที่เดิมให้แน่น ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 วัน จึงใช้งานได้ ถ้าเสียหายมากจะเปลี่ยนใหม่ต้องใช้ไม้ชนิดเดียวกับของเดิม
ส่วนประตูหากแช่น้ำอยู่นมนานกาเลอาจบวมขึ้น หรือเป็นสนิม สำหรับประตูไม้ควรทิ้งไว้ให้แห้งแล้วซ่อมแซมส่วนที่ผุให้เรียบร้อยแล้วจึงทาสีใหม่ แต่ถ้าผุมากก็ควรเปลี่ยนใหม่เลย ขณะที่ประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมใช้กระดาษทรายขัดออกให้หมด เช็ดให้สะอาดแล้วจึงทาสีใหม่ โดยอย่าลืมทาสีกันสนิมก่อน แต่ต้องระวังเป็นพิเศษเที่ยงรอยต่อต่างๆ โดยเฉพาะที่เป็นท่อโครงเหล็ก เพราะหากมีน้ำเหลืออยู่อาจจะเกิดสนิมตามมาทีหลังจนผุปรักกว่าเดิม
ระบบประปาภายในบ้านก็คืออีกอย่างที่ห้ามมองข้าม โดยเฉพาะบ้านที่มีถังเก็บน้ำใต้ดิน หากมีน้ำท่วมถึง ควรล้างถังใหม่ทั้งหมด ก่อนจะไปตรวจสอบปั๊มน้ำ ถ้าน้ำท่วมถึงอาจต้องรอให้แห้ง หรืออิงช่างมาตรวจสอบก่อนจะทวนกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่นเดี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ต้องตรวจเช็กให้รอบคอบก่อนเสียบปลั๊กใหม่
สำหรับระบบกระแสไฟซึ่งถือเป็นของที่มีปากเหยี่ยวปากกามาก บ้านแผ่นดินน้ำท่วมเป็นเป็นอาจิณควรตัดระบบไฟฟ้าของปลั๊กเดิมทิ้ง ย้ายให้สูงขึ้นมาจากระดับพื้นประมาณ 1 เมตร เพื่อให้พ้นระดับน้ำ และควรแยกระบบไฟฟ้าในส่วนที่น้ำท่วมบ่อยออกเป็นอีกวงจรหนึ่ง เพื่อสะดวกในการปิด-เปิด โดยเฉพาะปลั๊กที่อยู่ชั้นล่าง และไม่จำเป็นสัมผัสยกสิ่งของบ้านใหม่ทุกครั้งหลังน้ำลด
แต่ก่อนจะเริ่มปะหลังคา ทาสีบ้านใหม่เอี่ยม หรือชุนแซมส่วนต่างๆ รอให้แน่ใจ...ก่อนว่าฝนจะไม่เทลงมาระหว่างนั้นอีก เพื่อความคล่องตัวในการจัดการและดูแลรักษาไปพร้อมๆ กัน ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รับเหมาก่อสร้างโรงงาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น